หลังจากบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด ได้รับการคัดเลือกจาการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กส่งให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยทั้ง 2 บริษัทจึงได้จัดตั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอ่างทองเพาเวอร์ 1 และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอ่างทองเพาเวอร์ 2 ที่มีระบบการผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 142.1 เมกะวัตต์ ต่อโรงไฟฟ้า และทั้ง 2 โรงไฟฟ้าจะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โดยใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเล่ย์ ไทยแลนด์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ไชยภูมิ อ.ไชโย จ.อ่างทอง
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่ศาลาประชาคมอำเภอไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด ได้เชิญประชาชนจาก 4 จังหวัด รวม 800 คน ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจาการสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอ่างทองเพาเวอร์ 1 และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอ่างทองเพาเวอร์ 2
มาร่วมรับฟังแสดงความคิดเห็นต่อการกำหนดขอบเขต และแนวทางประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยมี นายเรวัต ประสงค์ ผวจ.อ่างทอง เป็นประธาน ในที่ประชุมประชาชนได้ให้ความสนใจต่อผลกระทบจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอ่างทอง ทั้ง 2 โรง โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการภาคประชาชนติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
นายดนัย โพธิ์สมบูรณ์ ผจก.ฝ่ายอาวุโส-ฝ่ายพัฒนาโครงการ กล่าวว่า โรงไฟฟ้าที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ผลประโยชน์ที่จะได้รับตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเลย คือ เศรษฐกิจก็จะเข้ามา การจ้างงานถึง 300-400 คน โดยใช้แรงงานจากคนท้องถิ่น จากนั้นโรงไฟฟ้าจะต้องเสียภาษีพลังงานนับตั้งแต่วันที่เริ่มก่อสร้าง
โดยคณะกรรมการที่จัดตั้งโดยคนในชุมชนจะมาจัดการเงินภาษีพลังงานเพื่อกลับไปสู่ชุมชน และในระดับชาติต้องการกระจายโรงไฟฟ้าไปตามท้องถิ่นต่างๆในพื้นที่ที่มีแก๊ส มีน้ำ และสายส่งแก๊ส ซึ่งบริเวณนี้มีครบทั้ง 3 สิ่งนี้ ซึ่งจะพร้อมจ่ายไฟฟ้าได้ในปี 2564 แต่ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบบ้าง แต่ผู้บริหารโครงการจะพยายามควบคุมผลกระทบให้ต่ำกว่ากฎหมาย และโรงไฟฟ้าของเราอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม จึงถูกควบคุมด้วย พ.ร.บ.นิคมอุตสาหกรรม
